ชาวบ้าน อ.สิชล เดือดร้อน น้ำป่าทะลัก ถนนตัดขาด บ้านพังเสียหาย

เดือดร้อนหนักชาวบ้าน หมู่บ้านน้ำร้อน ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช น้ำป่าซัดสะพานและถนนตัดขาดตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ยังไม่ได้รับการซ่อมแซมถนนที่ถูกน้ำป่าเชี่ยวกราดซัดจนขาด มีชาวบ้านอีกกว่าร้อยครัวเรือนเดือดร้อน การเดินทางยากลำบาก ในขณะเดียวกันชาวบ้านในอำเภอสิชล ตำบลทุ่งปรัง ได้รับความเสียหายจากฝนตกเป็นเวลาติดต่อกัน 2 วัน ทำให้น้ำป่าซัดเข้าที่คอสะพานเนื่องจากน้ำป่าไม่มีทางที่จะไหลผ่าน จนทำให้สะพานที่ชาวบ้านใช้สัญจรเป็นประจำขาด และส่งผลทำให้บ้านของชาวบ้านที่ใกล้เคียงกับสะพานเกิดการทรุดตัวพร้อมกับสะพาน

เมื่อคืนวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านน้ำร้อน หมู่ 1 ต.สี่ขีด อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้ถูกน้ำป่าจากเขาฝามี ไหลเชียวกราดผ่านคลองน้ำใสซัดสะพานและถนนที่เป็นทางสัญจรหลักของชาวบ้านในหมู่บ้านพังเสียหาย ถนนถูกตัดขาดเป็นทางยาว มีชาวบ้านเดือดร้อนกว่าร้อยครัวเรือน ต้องใช้ถนนอีกเส้นหนึ่งซึ่งกินระยะทางไกลกว่าถนนสายหลักที่ใช้สัญจร

นอกจากสะพานพังเสียหายและถนนตัดขาด น้ำป่าจากเขาฝามีได้กัดเซาะดิน กินพื้นที่เป็นวงกว้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ปี 2554 และในปี 2560 น้ำป่ามาแรงและเชี่ยวกราดทำให้พื้นดินที่ถูกน้ำป่ากัดเซาะขยายวงกว้างมากขึ้น และความแรงของน้ำยังถอนรากถอนโคนต้นปาล์มขึ้นมาตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านของชาวบ้านอีกด้วย

ชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ปีนี้น้ำมามากกว่าปี 2554 ถนนถูกตัดขาดตั้งแต่คืนวันที่ 5 ธันวาคม เวลาประมาณ 3 ถึง 4 ทุ่ม น้ำป่าทะลักจนทำให้สะพานพังเสียหายและถนนตัดขาด ก่อนหน้านี้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง เลยทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้ามาลงคลองน้ำใส และคืนวันที่ 5 ธันวาคม ไฟฟ้าดับเพราะเสาไฟฟ้าล้ม ไฟฟ้าดับกว่า 4 วัน ทำให้การใช้ชีวิตยากลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ได้มีการซ่อมแซมสะพานที่ถูกน้ำป่าซัดพังเสียหายไปแล้ว โดยมีการนำดินมาซ่องแซมบริเวณที่ถูกน้ำป่าซัดพังเสียหาย ด้านชาวบ้านเผยว่าได้มีการซ่อมแซมกันเอง ส่วนถนนที่ตัดขาดนั้นยังไม่มีการซ่อมแซมใดๆ ทั้งนี้มีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบพื้นที่บ้างแล้ว แต่เข้ามาเพียงแค่ตัวสะพานที่พังเสียหายส่วนถนนที่ตัดขาดนั้นยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปตรวจสอบและซ่อมแซมถนนที่ถูกตัดขาด

ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใน หมู่ 4 ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช บ้านของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงกับสะพานได้รับความเสียหาย บ้านพังไปครึ่งหลัง จำนวน 1 หลัง และต้นปาล์มกับต้นยางที่ชาวบ้านปลูกไว้ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน เนื่องจากฝนตกติดต่อกัน 2 วัน ทำให้น้ำป่าที่ไหลทะลักไม่มีทางน้ำไหลผ่าน สาเหตุเกิดจาก การเราะคลอง คลองมีระดับที่สูง ทำให้น้ำป่าที่ทะลักไม่ล้นตลิ่งจนทำให้น้ำกัดเซาะที่ผนังกั้นน้ำ และคอสะพาน ทำให้เกิดดินทรุดตัว เสาไฟฟ้าหล่มใส่บ้านลากพาตัวบ้านพังไปครึ่งหลัง ต้นปาล์มและต้นยางที่ชาวบ้านปลูกไว้ก็ไหลไปกับดินที่ทรุดตัว ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเกิดความเสียหายและเดือดร้อนไปตามๆกัน เนื่องจากสะพานที่ขาดนั้นเป็นทางสัญจรหลักของชาวบ้านในพื้นที่

นาย นรินทร์ เพียรไชยนน ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายโดยตรง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า มีฝนตกตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม ในตอน 17.00 น. ทำให้น้ำในคลองเริ่มไหลเชี่ยวและมีสีของน้ำที่เปลี่ยนไป แต่ชาวบ้านคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการไหลของน้ำในคลองจนไม่คิดอะไร มาจนถึงเวลาตี3 ของวันที่ 6 ธันวาคม ชาวบ้านได้ยินเสียงเสาไฟฟ้าล้มใส่บ้าน ทำให้บ้านพังเสียหาย และที่ดินบริเวณใกล้เคียงกับคอสะพานถล่มไปพร้อมกับสะพานในเวลาต่อมา นายนรินทร์ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงาน 3 หน่วงงาน (กรมไฟฟ้า , อบต. และอำเภอ) ให้เข้ามาเยียวยาช่วยเหลือชาวบ้านที่เสียหายในพื้นที่